ธรรมะ

แก้วหนึ่งใบ

Posted on เมษายน 28, 2010. Filed under: ธรรมะ | ป้ายกำกับ: |

















Read Full Post | Make a Comment ( None so far )

10 วิธี…ระงับใจร้อน !!!

Posted on เมษายน 27, 2010. Filed under: ธรรมะ |

โลกร้อน อากาศร้อน ความร้อนในใจของคนเราก็พุ่งสูงขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะ ฉะนั้นจะพาไปหาวิธีคลายร้อนในใจแบบง่าย ๆ
สำหรับใครที่กำลังมี ปัญหารุ่มร้อนใจเพราะจิตใจของคนเ รานั้น  บาง ครั้งก็แข็งแกร่งดังหินผา บางครั้งก็อ่อนแอราวปุยนุ่น

ดังนั้นเราจึงควรบริหารจิตใจของเรา ทุกวันให้รับสิ่งที่จะเข้ามากระทบจิตใจ ได้

เพราะปัญหาที่ผ่านเข้ามาในวันนี้
วันหนึ่งข้างหน้าก็จะถอยห่างออกไป
ลองย้อนกลับไปมองเรื่องราวที่ผ่านมา
จะเห็นว่าบางเรื่องที่ตอนนั้นคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่
ก็กลับกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น

อากาศ ร้อนอย่างเดียวก็พอแล้ว อย่าปล่อยให้ใจร้อนตามไปด้วย

นั บ ห นึ่ ง ใ ห้ ถึ ง สิ บ

เริ่ม จากวิธีพื้นฐานอย่างนับเลขในใจ
เวลาที่เราโกรธใครให้ลองนับหนึ่งถึงสิบ
หรือจะนับถึงร้อยถึงพันก็คงไม่มีใครว่า
เพราะการนับเลขจะส่งผลให้เรามีสมาธิ
และยังได้มีเวลาไตร่ตรองคิดถึงสิ่งที่ผู้อื่นทำกับเร า
และสิ่งที่เรากำลังคิดจะทำด้วย

ป ล่ อ ย ว า ง ไ ม่ ยึ ด ติ ด

ปัญหา ที่เกิดขึ้นนทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะคนเรามีอัตตามากเกินไป
หากเราลองเปลี่ยนความคิด ไม่ยึดติดกับตัวตน
แล้วลองคิดว่าสุดท้ายวันหนึ่งเราก็ต้องแตกดับ และสลายไป
วนเวียนเป็นวัฏจักรเช่นนี้เรื่อยไป

เพราะฉะนั้นถ้าเรายอมรับกับวัฏจักรแห่งการเกิด-ดับนี้แล้ว
ไม่ว่าเรื่องใดๆ ก็คงเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น

เ ข้ า หู ซ้ า ย ท ะ ลุ หุ ข ว า

อย่า เพิ่งเข้าใจผิดนะครับ
เพราะปกติแล้ว คำว่า “ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา” นั้น
เขาใช้เปรียบเปรยคนที่ฟังอะไรแล้วไม่ สนใจ ไม่ใส่ใจ ไม่รับความคิดใหม่ๆ เข้ามา

แต่ตอนนี้ผมกำลังหมายถึง ถ้าเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้ว
การฟังแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวานั้นนับเป็นเรื่องที่ดี
เพราะจะทำให้เราไม่ใส่ใจกับสิ่งที่ใครกล่าวมา

คิ ด ม า ก ไ ป ห รื อ เ ป ล่ า

อาการ คิดมากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคเครียดได้
ยิ่งอากาศร้อนๆ ยิ่งเหตุการณ์อะไรๆ ก็ไม่เป็นใจด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ร้อนรน
เมื่อเกิดเรื่องก็จะยิ่ง เก็บมาคิด จนไม่เป็นอันกินอันนอน
ลอง เปลี่ยนจากความคิดเรื่องแย่ ๆ เปลี่ยนเป็นคิดเรื่องดีๆ บ้างสิคะ
เพราะความคิดนั้นเป็นตัวกำหนดวิถีชีวิตของเรา ไม่เชื่อลองทำดู คิดดี ทำดี เท่านี้พอ

ฝึ ก ส ม า ธิ

การฝึกสมาธิให้ใจสงบนั้นมีหลายรูปแบบ จะนั่งสมาธิหรือเดินสมาธิก็ได้
อย่างที่ เคยเขียนในเล่มก่อนๆ ว่า

เมื่อ มีสมาธิก็มีสติ เมื่อมีสติก็เกิดปัญญา
เวลาเกิดปัญหาก็จะมีทางแก้ไข

รู้ เ ข า รู้ เ ร า

บางครั้งแค่เราลองมองใส่ใจนิสัยของคนรอบข้างบ้าง
ก็สามารถที่จะทำให้เราอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างไม่ ยากเย็น
แต่เราจะต้องรู้จักระงับสติ อารมณ์ของเราด้วย
เพราะเมื่อเราทราบแล้ว ว่าเขาเป็นคนแบบนี้หากเรารับนิสัยเขาไม่ได้
ก็ให้อยู่ห่างๆ เข้าไว้เป็นดีที่สุด จะได้ไม่ต้องมีเรื่องมีราวกัน

ข อ โ ท ษ

หากเราทำผิด การใช้คำว่าขอโทษนั้น
ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่สุด ไม่ใช่เรื่องยากเลย
ถ้าเราจะต้องเอ่ยคำขอโทษ
เพราะคำๆ นี้ไม่ได้ทำให้ศักดิ์ศรีของเราตกต่ำลง
หากแต่เป็นการรู้จักยอมรับในสิ่งที่ตน เองผิดต่างหาก

อีกทั้งยังจะทำให้สถานการณ์ที่เลวร้ายคลี่คลายลงได้

อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรใช้คำขอโทษอย่างพร่ำเพรื่อ
เพราะจะทำให้ติดเ ป็นนิสัยที่ไม่ดี ทำอะไรก็ไม่ระมัดระวัง

ยิ้ ม แ ห่ ง ส ย า ม

รอยยิ้มสร้างโลกนี้ให้สดใสได้ เหมือนดังคำที่บอกว่า
“ถ้าคุณยิ้ม โลกก็จะยิ้มให้คุณ”
เพียงแค่คุณไปไหนแล้วมีแต่รอยยิ้มให้คนรอบข้าง
คนรอบข้างก็จะอารมณ์ดีขึ้นไปด้วย

ห า ย ใ จ เ ข้ า – อ อ ก ลึ ก ๆ

การ หายใจเข้าออกลึกๆ นานๆ จะทำให้เราได้มีสติยั้งคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
และทำให้ร่างกายเราได้รับการผ่อนคลายจากลมหายใจที่รั บเข้าและส่งออก
ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจ ทำอะไรลงไปในช่วงเวลาที่มีอารมณ์โกรธ
ลอง หายใจลึกๆ เข้า – ออก อย่างช้าๆ จะช่วยให้สถานการณ์รอบข้างดีขึ้น

ไ ม่ ห นี แ ต่ ไ ม่ ป ะ ท ะ

หากเราไม่สามารถจะทำอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ได้
แต่จะเก็บเอาไว้ก็กลัวจะกลายเป็นคน เก็บกดจะเดินหนี
ก็จะกลายเป็นคนไม่ยอมรับ ความจริง

หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้

คงต้องใช้สติที่รอบคอบตัดสินใจในการแก้ปัญหา
รับฟังสิ่งที่ผู้อื่นว่ามา แล้วก็นำไปปรับปรุงในส่วนที่ไม่ดี
หากแต่ เป็นสิ่งที่เขาพูดพร่ำเพรื่อก็ไม่ต้องกังวลให้ เสียเวลา เลิกคิดไปเลย
ไม่จำเป็นต้องไปต่อปากต่อคำด้วย
เพราะการทำเช่นนั้น ไม่ได้ส่งผลดีอะไรขึ้นมาเลย

เมื่อรู้กันอย่างนี้แล้ว ก็ควรที่จะทำตามกัน เพราะความใจร้อนเป็นสิ่งที่ไม่ดีเลย อาจจะนำไปสู่การสูญเสียก็ได้……..

Read Full Post | Make a Comment ( None so far )

ความสามัคคี

Posted on เมษายน 27, 2010. Filed under: ธรรมะ |

การ์ตูนเบา ๆ : พ่อบอก…

Read Full Post | Make a Comment ( None so far )

5 วิธี “ทำใจ”

Posted on เมษายน 27, 2010. Filed under: ธรรมะ |

ในวันแห่งความรักที่ผ่านมา หลายคู่ก็แสนจะแฮปปี้ เห็นแล้วอิจฉา แต่ก็มีไม่น้อย ที่ต้องนั่งเหงา และอยู่กับความโสด ที่พระเจ้าประทานให้ ทั้ง ๆ ที่ใจไม่อยากรับเลย และนอกจากนั้นแล้ว ยังมีบางคู่ ที่ใช้วันแห่งความรักเป็นวัน “บอกลา” (แบบว่าจะได้จำขึ้นใจเลยไง ว่าถูกบอกเลิก วันแห่งความรัก) ก็ถือว่าซวยไปแล้วกัน และวันนี้ GURU ก็มีคำแนะนำดี ๆ มาฝาก สำหรับวิธีทำใจให้ลืมเขา หรือเธอได้ง่ายขึ้น
ทำใจ
วิธีแรกที่จะต้องทำก็คือ “ทำใจ” ก็เล่นทุ่มเทไปซะขนาดนั้นน่ะ จะไม่ให้เศร้าได้อย่างไร วิธีทำใจแบบง่าย ๆ คือ เราก็ต้องคิดถึงสาเหตุที่เลิกกันก่อนว่า เลิกกันเพราะอะไร ถ้าเป็นเลิกกัน เพราะอีกฝ่ายหนึ่งมีคนใหม่ ก็ขอให้คิดไว้ว่า “ที่เค้าทิ้งเราก็เพราะรู้ตัวล่ะซิว่าไม่คู่ควรกับเรา” (คิดเข้าข้างตัวเองเอาไว้ไม่ผิดหรอก จะได้ลืมเร็ว ๆ) แต่ถ้าเลิกกัน เพราะว่านิสัยเข้ากันไม่ได้ ก็ให้คิดว่า “เราเป็นตัวของตัวเองดีที่สุด” (แต่ข้อนี้นิสัยบางอย่าง ที่ควรปรับปรุงก็เปลี่ยนเป็น ถ้าคบคนใหม่ เราจะไม่ทำตัวแบบนี้อีกดีกว่านะ)
อย่าเก็บตัว ออกไปเจอเพื่อนบ้าง
หลังจากทำใจได้แล้ว ก็อย่าเก็บตัวอยู่คนเดียว ออกไปเจอเพื่อนฝูงบ้าง เพราะเวลานี้แหละ เป็นเวลาที่ เหล่าบรรดาเพื่อนผู้น่ารักของเรา มันมักจะอยู่ข้างเราเสมอ ๆ ไม่หนีหายไปไหน มีเรื่องมาเล่า มาอำ ให้เราได้หัวเราะ จนลืมไปว่า กำลังเศร้าอยู่ นี่ล่ะน้าข้อดีของ “เพื่อน” แต่ไอ้ตอนที่มีแฟนนี่ ก็ทิ้งเพื่อนเอาดื้อ ๆ เลิกเรียน เลิกทำงานก็ต้องรีบ กลับไปรับแฟน เพื่อนจะไปไหนกันก็ช่างมัน แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะอย่างไรเพื่อนก็ตัดกันไม่ขาดหรอก
อย่าทำตัวโทรม
ไม่มีค่า ที่บอกอย่างนี้ก็เพราะว่า บางคนที่เลิกกับแฟนใหม่ ๆ ก็มักจะประชดตัวเองด้วยการกินเหล้า เมาหัวราน้ำ เซเว่นไม่ปิดไม่เลิก อันนี้ก็ไม่ไหวนะคะ เกิดบังเอิญไปเจอกับแฟนเก่าคุณเข้า ไม่ใช่ว่าเค้าจะสงสารหรือเห็นใจนะ อาจจะตรงกันข้าม รู้สึกสมเพชขึ้นมาก็ได้ แล้วคิดว่าคบคนแบบนี้มาได้อย่างไรตั้งนาน เป็นบุญของฉันที่เลิกกับเขา (เธอ) ได้ เอาเป็นว่าเปลี่ยนจากการกินเหล้า มาเป็นการทำตัวให้ดูดีกว่าเดิม (ดีกว่าตอนที่คบกับคนคนนั้น ของคุณอยู่) เอาให้เขาเห็นว่า เลิกไปแล้วคุณดูดีกว่าอยู่กับเขาอีก นั่นแหละมันจะทำให้เขาเสียดายในตัวคุณ ไม่แน่นะคุณอาจจะมีคนที่ดีกว่า เขาคนนั้นมาสนใจคุณก็ได้
อย่าทำตัวให้ว่าง
ไม่ควรทำตัวให้ว่าง มีงานอะไรก็หามาทำซะทั้งงานหลวง งานราษฎร์ เช็ดบ้าน ถูบ้าน หรืออะไรก็ได้ ที่ไม่ทำให้เราต้องอยู่กับ ความเหงาของตัวเอง ทำให้มันลืมเวลาไปเลย แต่ก็อีกนั่นแหละ อย่าทำจนเป็นคนบ้างาน ไม่ลุกไปไหน ไม่ทำอะไร ข้าวก็ไม่กิน อันนี้ผิดวิธี มันอาจจะทำให้คุณลืมได้ แต่มันก็อาจจะทำให้คุณทรุดได้เหมือนกัน ยิ่งอยู่คนเดียวด้วย ใครเล่าจะมาดูแล ก็เอาเป็นว่า ทำแต่พอดี ไม่หักโหมเป็นพอ
เปิดใจมองคนรอบ ๆ ตัวบ้าง
อันนี้ไม่ได้แนะนำว่าเลิกกับคนนั้นแล้ว จะต้องหาคนใหม่เลยนะ (แบบว่าไม่ทำให้ตัวเองว่างเลย) แต่จะบอกว่า ลองให้โอกาส คนที่ผ่านเข้ามาบ้าง บางทีเขาอาจจะดีกว่า คนที่เลิกคบไปก็ได้นะ และที่สำคัญ เวลาที่สิ่งใหม่ ๆ เข้ามาในชีวิต มันจะทำให้หัวใจเรา รู้สึกซาบซ่า มีความสุขไปอีกแบบ และมันอาจจะทำให้คุณลืมช่วงเวลา ที่เลวร้ายมากที่สุด ในชีวิตไปก็ได้ และสุดท้าย เป็นคาถาทำใจที่ใช้ได้ชะงัดกับทุกกรณี

“ไม่มีใครรักและเข้าใจเราเท่าตัวเอง”

Read Full Post | Make a Comment ( None so far )

ภรรยา 4 คน

Posted on เมษายน 27, 2010. Filed under: ธรรมะ | ป้ายกำกับ: |

ชายคนหนึ่งมีภรรยา อยู่ 4 คน

ภรรยาคนที่ 1 เขารักที่สุด ไปไหนมาไหนด้วยกัน ตามใจตลอดอยากได้อะไร  เขาหาให้ ทุกอย่าง

ภรรยา คนที่ 2 เขารักมาก เขาจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อภรรยาคน นี้  และจะไปหาภรรยาคนนี้เสมอ

ภรรยา คนที่ 3 เขารักรองลงมา ดูแลเอาใจใส่พอควร แวะไปหาบางเป็นครั้งคราว

ภรรยาคนที่ 4 เขาไม่เคยสนใจ ไม่เคยดูแลเอาใจใส่ ไม่เคยไปหา ไม่คิดถึงเลย ด้วยซ้ำ

ต่อ มาชาย คนนี้ไปกระทำความผิดร้ายแรง และถูกจับ ต้องถูกประหารชีวิต ก่อนที่จะถูกประหาร เขาขอร้องว่า เขาขอกลับบ้าน เพื่อไปร่ำลาภรรยาสุด ที่รักซักครั้ง  ผู้คุมเห็นใจจึงอนุญาต  เมื่อกลับมาถึงบ้าน เขารีบตรงไปหาภรรยา คนที่ 1 เล่า เหตุการณ์ต่างๆ ให้ฟังและถามภรรยา คน ที่ 1 ว่า

” ถ้าเขาต้องตายภรรยาคนที่ 1  จะทำอย่าง ไร? ”

ภรรยา คนที่ 1
ตอบน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ถ้าเธอตาย เราก็จบกัน” คำตอบที่ได้รับ  เหมือนสายฟ้าที่ผ่าเปรี้ยง!! ลงมาที่เขาอย่างจัง  เขารู้สึกเจ็บปวด และเสียใจเป็นอย่างยิ่ง นึก เสียดาย ว่าเขาไม่ควรทุ่มเทให้ภรรยาคนนี้เลย

จากนั้นเขาก็ ไปหา ภรรยาคนที่ 2 ด้วยอาการเศร้าโศก เล่า เรื่องราวต่าง ๆ ให้ ฟัง  และถามคำถามเดิมกับภรรยาคนที่ 2 ว่า

” ถ้าเขาต้องตาย ภรรยาคน ที่ 2  จะทำอย่างไร? “

ภรรยา คนที่ 2
ก็ ตอบอย่างหน้าตาเฉย ว่า ” ถ้าเธอตาย ฉันจะมีใหม่ “ เหมือนสายฟ้า!! ผ่าลงมาซ้ำที่เขา อย่างจัง  เขารู้สึกเสียใจมาก และนึกเสียดายว่าที่ผ่านมา เขาไม่ควร ทุ่มเทให้ภรรยาคนนี้เช่นกัน

เขาเดินคอตกมาหาภรรยาคนที่ 3 เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ ฟัง  และ ถาม ภรรยา คนที่ 3 ว่า

“ถ้า เขาต้องตาย ภรรยาคน ที่ 3  จะทำอย่างไร? “

ภรรยา คนที่ 3
ตอบว่า “ถ้าเธอตาย ฉันจะไปส่ง ” ทำให้เขาคลายความ เศร้าโศกขึ้นมาได้บ้าง  อย่างน้อยก็ ยังมีภรรยาที่จริงใจกับเขา

ก่อน กลับไปรับโทษ เขานึกขึ้นมาได้ว่ามีภรรยาอีกคน ซึ่งไม่เคยไปหาเลย จึงไปหา
ภรรยา คนที่ 4 และถามว่า

” ถ้าเขาต้องตาย ภรรยาคนที่ 4  จะทำอย่าง ไร?”

ภรรยา คนที่ 4
ตอบว่า ” ถ้าเธอตาย ฉันจะตามไป ด้วย “ แทน ที่เขาจะดีใจกลับนึกเสียใจหนักขึ้นไปอีก
เพราะ…มัน สายเกินไปเสียแล้ว ช่วงที่เขามีชีวิตอยู่ เขาไม่เคยเห็นค่าของภรรยาคน นี้ แต่ภรรยาคนนี้ไม่คิดที่จะทิ้งเขา จะติดตามเขาไปอยู่ด้วย
แล้วชายคน นี้ก็กลับไปรับโทษประหาร และเมื่อเขาตาย ภรรยาคนที่ 4 ก็ตายตามไป ด้วย…..

เรา ทุกคนก็ มีภรรยา 4 คน นี้ มี คำถามว่า ภรรยา ทั้ง 4 คนเป็นใคร? คิดกันก่อนนะ แล้วค่อยเฉลย…

ที นี้เรามาดูกันว่า  ภรรยาคน ที่ 1, 2, 3 และ 4  เป็นใครกันบ้าง

ภรรยา คน ที่ 1

ร่างกายของเรา เพราะเวลาเรามีชีวิตอยู่  เราจะบำรุงบำเรอด้วยของสิ่ง ทุกอย่าง  อยากได้อะไรก็หาให้  แต่พอเราตายมันกลับไม่ไปกับเรา
เมื่อ เราตาย
ร่าง กายมันก็มีค่าเท่ากับท่อนไม้ ท่อนหนึ่งเท่านั้น

ภรรยา คน ที่ 2

ทรัพย์สมบัติ เพราะเวลาเรามีชีวิตอยู่  เราจะทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้มันมา  แต่พอเราตาย มันกลับไม่ไปกับเรา แต่ไปเป็นของคนอื่น

ภรรยา คนที่ 3

พ่อแม่ ลูกเมีย ญาติ พี่น้อง เพราะพอเราตาย  เขาจะทำศพให้เรา ทำบุญไปให้ แปลว่า เขาแค่ไปส่งเราเท่านั้น

ภรรยา คนที่ 4

บุญกับบาป เมื่อเราตายไป  เราไม่สามารถเอาอะไรไปด้วยได้  มีเพียงแค่บุญกับ บาปเท่านั้น ที่ จะตามเราไป …..

เห็นไหมว่าเงินไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับชีวิต แต่เดี๋ยวก่อนอย่าพึ่งคิดว่าเงินไม่สำคัญ

สำคัญ … แต่ ไม่สำคัญที่สุดเท่านั้นเอง

อย่าลืม…ยังมีเรื่องอื่น ที่สำคัญ กว่าเงินอีกเยอะ

Read Full Post | Make a Comment ( None so far )

วิธีใช้หนี้พ่อแม่ : ฉบับหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน

Posted on เมษายน 27, 2010. Filed under: ธรรมะ | ป้ายกำกับ: |

1.จง สร้างความดีให้กับตัวเองและ นี่ก็เป็นการใช้หนี้ตัวเอง ตัวเราพ่อให้หัวใจ แม่ให้น้ำเลือดน้ำเหลืองอยู่ในตัวแล้ว จะไปแสวงหาพ่อที่ไหน จะไปแสวงหาแม่ที่ไหน บางคนรังเกียจแม่ ว่าแก่เฒ่าไม่สวยไม่งาม พอตัวเองแก่ก็เลยถูกลูกหลานรังเกียจ จึงเป็นกงกรรมกงเกวียนยืดเยื้อกันต่อไปอีก

2. ใครที่คุณแม่ล่วงลับไปแล้วก็ ให้หมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่าน และถ้าจะทำบุญด้วยการเจริญกรรมฐาน แล้วอุทิศส่วนกุศลไป การทำเช่นนี้ถือว่าได้บุญมากที่สุด ทั้งฝ่ายผู้ให้และผู้รับ

3. ผู้ใดก็ตามที่ คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ให้กลับไปหาแม่ ไปกราบเท้าขอพรจากท่าน จะได้มั่งมีศรีสุข ส่วนคนที่เคยทำไม่ดีไว้กับท่าน ก็นำเทียนแพไปกราบขออโหสิกรรม ล้างเท้าให้ท่านด้วย เป็นการขอขมาลาโทษฯ

4. ขอฝากท่านไว้ไปสอนลูกหลานอย่า คิดไม่ดีกับพ่อแม่เลย ไม่ต้องถึงกับฆ่าหรอก แค่คิดว่าพ่อแม่เราไม่ดี จะทำมาหากินไม่ขึ้น เจ๊ง ท่านต้องแก้ปัญหาก่อนคือ ถอนคำพูด ไปขอสมาลาโทษเสีย แล้วมาเจริญกรรมฐาน รับรองสำเร็จแน่ มรรคผลเกิดแน่ ฯ

5. บางคนลืมพ่อลืมแม่อย่า ลืมนะการเถียงพ่อเถียงแม่ไม่ดี ขอบิณฑบาต สอนลูกหลานอย่าเถียงพ่อเถียงแม่ อย่าคิดไม่ดีกับพ่อกับแม่ ไม่อย่างนั้นจะก้าวหน้าได้อย่างไร ก้าวถอยหลังดำน้ำไม่โผล่ ฯ ท่านยกตัวอย่าง (เรื่องจริงนะจ๊ะ)

ตัวอย่าง ที่ 1

บ้าน หนึ่งพ่อมีเมีย 4 คน เมียหลวงบอกลูกว่าพ่อเจ้าไม่ดี ลูกก็ไปด่าพ่อว่าพ่อแล้ว มาบวชวัดนี้ บวชแล้วเดี๋ยวเป็นโน่นเป็นนี่ จนจะกลายเป็นโรคประสาทนี่ แหละบวชก็ไม่ได้ผล หลวงพ่อก็ให้ไปถอนคำพูด และขอสมาลาโทษกับพ่อเขาก่อน แล้วกลับมานั่งกรรมฐานจึงได้ผล

(กรณี นี้ หลวงพ่อจะเตือนผู้เป็นลูกบ่อยๆไม่ให้ว่าพ่อ) แต่ให้เป็นเรื่องของแม่ที่จะแก้ปัญหานี้ ซึ่งหลวงพ่อสอนไว้แล้ว

ตัวอย่าง ที่ 2

เมื่อ เร็ว ๆ นี้ลูกฆ่าพ่อ แม่สงสารพามาเจริญกรรมฐานพอเข้าวัดมันร้อนไปหมด ปวดหัวเข้าไม่ได้นี่เวรกรรมตามสนอง ปิตุฆาต มาตุฆาต ห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพาน ทำกรรมฐานไม่ได้แน่นอน ต้องหันรถกลับ นี่เรื่องจริงในวัดนี้ ฯ

6. คนที่มีบุญวาสนา จะกตัญญูกับพ่อแม่ คนเถียงพ่อเถียงแม่เอาดีไม่ได้  คน ไม่พูดกับพ่อแม่ นั่งกรรมฐานร้อยปี ก็ไม่ได้อะไร? ถ้าไม่ขออโหสิกรรม ฯขออโหสิกรรม ที่คิดไม่ดีกับพ่อแม่ คิดไม่ดีกับครูบาอาจารย์ คิดไม่ดีกับพี่ ๆ น้อง ๆ จะ ไม่เอาอีกแล้ว เอาน้ำไปขันหนึ่ง เอาดอกมะลิโรย กายกัมมัง วจีกัมมัง มโนกัมมัง โยโทโส อัน ว่าโทษทัณฑ์ใด ความผิดอันใด ที่ข้าพเจ้าพลั้งเผลอสติไป ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ขอให้คุณพ่อคุณแม่ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย คุณ พี่คุณน้อง อโหสิกรรมให้ด้วย แล้วเอาน้ำรดมือ รดเท้า ฯ นี่ แหละ ท่านทั้งหลายเอ๋ย เป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่มากมาย ยังจะไปทวงนาทวงไร่ ทวงตึก มาเป็นของเราอีกหรือ ตัวเองก็พึ่งตัวเองไม่ได้ สอนตัวเองไม่ได้ เป็นคนอัปรีย์จัญไรในโลกมนุษย์ไปทวงหนี้พ่อแม่ พ่อแม่ให้แล้ว (ให้ชีวิต ให้ให้ ให้.ฯลฯ ) เรียนสำเร็จแล้ว ยังช่วยตัวเองไม่ได้ มีหนี้ติดค้าง รับรองทำมาหากินไม่ขึ้น ฯ หนี้ บุญคุณอันยิ่งใหญ่ เหลือจะนับประมาณ นั่นคือหนี้บุญคุณของบิดา มารดา

ตัวอย่าง ที่ 3

“หนาม แหลมใครเสี้ยม มะนาวกลมเกลี้ยงใครไปกลึง”

เด็ก ประถม 4  พ่อเมาเหล้า เมากัญชาเล่นการพนัน แม่เล่นหวย ปัจจุบันเป็นดอกเตอร์อยู่อเมริกา หลวงพ่อสอนครั้งเดียวจำได้

บอก วันเกิด หนูซื้อขนม 2 ห่อ เรียกพ่อแม่มานั่งคู่กัน แล้วกราบนะลูกนะ

แล้ว ก็บอกพ่อแม่ว่า ความผิดอันใดที่ลูกพลั้งเผลอ ด้วยกาย วาจา ใจ ที่คิดไม่ดีต่อคุณพ่อคุณแม่

ขอ ให้คุณพ่อคุณแม่อโหสิกรรมให้ แล้วล้างเท้าให้พ่อแม่ ลูกไม่มีสตางค์ ลูกซื้อขนมมา 2 ห่อ

ให้ แม่ก่อน ๑ ห่อ เพราะอุ้มท้องมา แล้วจึงให้พ่ออีก 1 ห่อ ลูกขอปฏิญาณตนว่า ลูกขอเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ แล้วจะเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ลูกจะไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง…

พ่อ ฟังแล้วน้ำตาร่วงสร่างเมา ส่วนแม่ก็ร้องไห้เลย พ่อแม่ก็ให้สัญญากับลูกเลิกอบายมุขทั้งหมด

7. ลูกหลานโปรดจำไว้เมื่อ แยกครอบครัวไปมีสามีภรรยาแล้ว อย่าลืมไปหาพ่อแม่ ถึงวันว่างเมื่อไรต้องไปหาพ่อแม่ ถึง วันเกิดของลูกหลาน อย่าลืมเอาของไปให้พ่อแม่รับประทาน อย่ากินเหล้า เข้าโฮเต็ล

8. ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้เป็นมงคลนาม ไม่ จำเป็นต้องเปลี่ยน เพราะชื่อเป็นเพียงนามสมมุติแทนตัวเรา อย่างหลวงพ่อชื่อจรัญ ปู่ตั้งให้ หมอดูบอกเป็นกาลกิณี แต่ทำไมเจริญรุ่งเรือง ขอให้เชื่อพระพุทธเจ้าทำดีได้ดี

9. ของดี ของ ปู่ ย่า ตา ยาย อย่าไปทำลายเลย ของ พ่อแม่อย่าไปทำลายนะ หนีได้แน่นอน โยมมีกรรมฐาน มีทรัพย์ มีชื่อเสียง ความรัก บูชาทรัพย์ บูชาชื่อเสียง ความรักของพ่อแม่ได้ เงินจะไหลนองทองจะไหลมา……… พ่อ แม่ให้อะไรเอาไว้ก่อน อย่าไปทำลายเสีย ถึงจะเป็นถ้วยพ่อแม่ให้มา ก็ไว้เป็นที่ระลึกก็ยังดีอย่าเอาไปทิ้งขว้าง ฯ

10. ถ้าต้องการเจริญก้าวหน้าขอฝากไว้ด้วย คน เรามี 2 ก้าว จะก้าวขึ้นหรือก้าวลง ดำน้ำไม่โผล่ ก้าวลงมันง่ายดี ก้าวขึ้นมันต้องยาก ของชั่วมันง่าย หลั่งไหลไปตามที่ต่ำ นี่ บอกสอนลูกหลาน ต้องการจะบรรจุงานไม่ต้องไปวิ่งเต้น ดูลูกเสียก่อน กุศลเพียงพอหรือเปล่า ต้องเพิ่มกุศล

ตัวอย่าง เรียนจบครู สวดมนต์เข้าเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นครู ทำงานธนาคารก็ได้ บริษัทก็ได้เดี๋ยวมีคนรับ บางรายทั้งสอบทั้งสมัครหลายแห่งไม่เคยเรียกเลย อาตมาให้นั่งกรรมฐาน พอ ึ วันผ่านไปพวกมาตามให้เข้าไปทำงานแล้

Read Full Post | Make a Comment ( None so far )

Liked it here?
Why not try sites on the blogroll...